ร้านเด็ด “ก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม” ชามเดียวไม่พอ ขอต่อจนเป็นแฟรนไชส์

จากชามต่อชาม สู่ปากต่อปากจนกลายมาเป็นแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชามอันเลื่องชื่อ โดยมีจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ จากความชอบในการทำก๋วยเตี๋ยวเรือ ต่อยอดสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ที่นับวันจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงรักษามาตรฐานของวัตถุดิบและรสชาติไว้ได้อย่างดี เป็นที่จดจำของผู้คนจนต้องกลับมาสั่งชามต่อชามอีก นอกจากความโดดเด่นของรสชาติแล้ว ทางร้านเองก็ไม่หยุดพัฒนาเมนูให้หลากหลาย ตั้งแต่เมนูก๋วยเตี๋ยวเรือ บะหมี่บก เกาเหลาบก ที่น่าสนใจ ไปจนถึงจานเด็ดอื่น ๆ อย่างหมูมะนาว และลูกชิ้นปิ้ง เรียกว่ามากินทั้งทีไม่เสียเที่ยว ได้ลิ้มรสหลากเมนูอร่อยจุใจกันแน่นอน เมื่อได้ยินกิตติศัพท์ขนาดนี้ เลยต้องบุกมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม สาขาวิกตอเรียการ์เด้น บนถนนเพชรเกษม 69 เพื่อพูดคุยกับพี่ย้อย เมเนเจอร์ของร้าน

จากชามต่อชามสู่แฟรนไชส์

ร้านก๋วยเตี๋ยวต่อชามเริ่มต้นเมื่อปี 2541 ที่อยุธยาตอนนั้นเป็นร้านเล็ก ๆ ขายก๋วยเตี๋ยวเรืออย่างเดียว และมีโต๊ะนั่งอยู่ 7 ชุด พอเริ่มขายได้จนขายดี ที่นั่งและลูกค้าก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และหลังจากขายเองมาเป็นเวลา 7 ปี ในปี 2548 ทางร้านมีโอกาสได้ไปเปิดบูธในงานมหกรรมแก้จนที่เมืองทองธานี

ตอนนั้นเองที่เริ่มใช้ชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม” ที่มาของชื่อนี้มาจาก “คุณต่อ” ผู้ก่อตั้งร้าน เลยกลายมาเป็นต่อชาม เพราะสื่อถึงความหมายที่ดี “ชามเดียวไม่พอต้องต่ออีกชาม” ทางร้านได้รับผลตอบรับจากการไปออกงานมหกรรมครั้งนั้นเกินคาด ทำให้ร้านกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มมีคนสนใจมาขอสูตร ไปจนถึงขอทำแฟรนไชส์ ทางผู้ดูแลจึงเกิดความคิดขึ้น เลยไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องการทำแฟรนไชส์
แล้วก็ได้ลงมือทำจนปัจจุบันขยายแฟรนไชส์ไปแล้วถึง 63 สาขาทั่วประเทศ และมีเป้าหมายขยายไปยังประเทศฮ่องกง มาเก๊า และจีน
ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

สูตรเด็ด เคล็ด(ไม่)ลับจากร้านต่อร้าน

เพื่อนำเสนอรสชาติที่คนติดใจ กินกี่ทีก็อร่อย กินบ่อย ๆ จนต้องต่อชามไม่หยุด ทางร้านจึงต้องควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและรักษามาตรฐานของก๋วยเตี๋ยวแต่ละชามให้คงที่ ที่นี่เน้นความอร่อยแบบที่ลูกค้าไม่ต้องปรุง แค่คีบก๋วยเตี๋ยวเข้าปากก็สัมผัสถึงความเข้มข้น จัดจ้าน
ถึงเครื่องก๋วยเตี๋ยวเรือได้ทันที ซึ่งพี่ย้อยผู้ดูแลแฟรนไชส์ของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม เปิดใจถึงที่มาของการตัดสินใจมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ
และการปรับปรุงสูตรจนได้ดิบได้ดีมาจนทุกวันนี้

“แต่เดิมเราทำธุรกิจอาหารอื่น แต่พอได้ลองทำก๋วยเตี๋ยวเรือทานกันเล่น ๆ แล้วรู้สึกว่าอร่อย แต่ปัญหาคือมันไม่อร่อยเหมือนกันทุกวัน
เลยต้องหาวิธีแก้ จนมาเจอว่า ถ้าเราทำน้ำซุปให้เป็นหัวเชื้อเข้มข้นเมื่อนำลงไปผสมกับน้ำต้มกระดูก และสมุนไพร จะได้รสชาติที่กลมกล่อม
และอร่อยเหมือนกันทุกชาม โดยไม่ต้องปรุง ใครทำก็รสชาติเหมือนกันหมด เราก็พัฒนาจุดนี้จนกลายเป็นจุดเด่นของเรา”

นอกจากการทำน้ำซุปให้อร่อย เพื่อรักษาความคงที่ของรสชาติในก๋วยเตี๋ยวแต่ละชามแล้ว วัตถุดิบที่เลือกใช้ในแต่ละเมนูก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน พี่ย้อยย้ำกับเราถึงการเลือกใช้ของดีที่แม้ราคาจะสูงกว่า แต่คุณภาพที่ได้ออกมานั้นถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว “ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในการปรุงอาหาร ต้องเป็นสินค้าที่ดี มีตรารับรองผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่สินค้าตลาดทั่วไป เพื่อหวังจะลดต้นทุน เรายอมที่จะซื้อแพงกว่า แต่เพื่อคุณภาพที่ดีกว่า คุณภาพของที่ใช้เนี่ยสำคัญมาก อย่างพวกซอส พวกพริก ก็ต้องให้ความสำคัญ เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่น แล้วก็เปรียบเทียบว่าต่างกันมากน้อยแค่ไหน อย่าง “อายิโนะโมะโต๊ะ” ใช้น้อยกว่าแต่คุณภาพมากกว่า เราจึงเลือกมาเป็นส่วนผสมในน้ำซุปและหมูมะนาวที่ต้องการรสชาติเปรี้ยวเผ็ด ติดหวานนิด ๆ เราใช้มะนาวจริงๆ แล้วก็พริกสด เน้นความเข้มข้น เข้ากันได้ดี และเราใช้ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ช่วยเพิ่มรสชาติ พอเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี อาหารก็ออกมาน่าทาน ลูกค้าพอได้ทานเข้าไปก็รับรู้ได้ทันที”

มาแล้วต้องสั่ง

เมนูที่ขายดีที่สุดต้องยกให้ก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นหมี่ รองลงมาคือเมนูหมูมะนาว เพราะทางร้านใช้วัตถุดิบสดสะอาด ของแท้ จึงทำให้รสชาติของอาหารออกมาน่าประทับใจ นอกจาก 2 เมนูเด็ดด้านบนก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างบะหมี่บก เกาเหลาบก ซึ่งก็คือเมนูบะหมี่แห้งกับเกาเหลาแห้ง สูตรดั้งเดิมของทางร้านนั่นเอง ไม่หมดแค่นั้น เพราะทางร้านได้เพิ่มเมนูลูกชิ้นปิ้งต่อไม้ มีน้ำจิ้มเป็นสูตรที่คิดขึ้นเองด้วย ชักจะน้ำลายสอแล้วล่ะสิ

อร่อยไม่พอ เพราะลูกค้าและหน้าร้านก็สำคัญ

ร้านอาหารที่ดี แค่อาหารอร่อยไม่พอต้องสร้างภาพจำที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ด้วย ซึ่งพี่ย้อยเองก็ให้ความสำคัญกับการตกแต่งหน้าร้าน ถึงจะเป็นแฟรนไชส์ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ภาพเดียวกัน แม้ว่ากลุ่มลูกค้าของทางร้านจะเป็นกลุ่มที่นิยมชมชอบก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ทางร้านกลับเลือกที่จะทำเป็นร้านให้คนเข้ามานั่งทานสบาย ๆ มีการบริการที่ดีแทนที่จะเปิดขายเป็นร้านข้างทาง สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย เด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน ครอบครัว

ส่วนหน้าตาของร้าน เริ่มจากการเลือกใช้สีสันที่โดดเด่นอย่างสีส้มเข้ามาช่วย พี่ย้อยได้ให้เหตุผลในการเลือกสีส้มเป็นจุดดึงสายตาให้กับร้าน
“เพราะสีส้มมีอิทธิพลโดดเด่น เห็นแล้วทำให้อยากทานอาหาร ถ้าคุณเข้าตลาดสด สังเกตว่าเค้าจะไม่ใช้ไฟสีขาว เค้าเน้นไฟสีส้ม เพราะว่าเวลาสีส้มสะท้อนที่ผัก หรืออาหาร ผักจะเขียว อาหารก็ดูน่ารับประทาน ถ้าโดนที่หมู หมูก็จะแดง คล้าย ๆ เป็นอิทธิพลของสีที่ช่วยเพิ่มความน่าทานมากยิ่งขึ้น เป็นโทนสีที่โดดเด่นมาก ไปไหนก็สะดุดตา มีคนขับรถผ่านต้องถอยกลับมาถามดู เพราะสนใจร้านเรา และแฟรนไชส์ของเราทุกร้านก็ใช้สีเดียวเหมือนกันหมด ทุกร้านไม่ว่าจะออกแบบสไตล์ไหน ต้องมีไม้สีโอ๊คคู่กับผนังสีส้มอยู่ทุกร้าน เพราะเป็นจุดเด่นของเรา”

แนะนำมือใหม่ ใจรักทำร้านอาหาร

จากประสบการณ์กว่า 10 ปีของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม การันตีด้วยแฟรนไชส์ 63 สาขาทั่วประเทศ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแห่งนี้ประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์ ธุรกิจตัวอย่างให้กับคนที่ฝันอยากเปิดร้าน หรือกำลังจะเริ่มเปิดร้านอาหารของตัวเองได้ พี่ย้อยเองก็ได้แชร์ประสบการณ์น่าสนใจในการดูแลร้านอาหารที่สั่งสมมากว่า 10 ปี เป็นคำแนะนำสำหรับคนอยากเปิดร้าน เริ่มแรกเลยคือคุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม ดูว่าตัวเองมีความอดทนพอมั้ยและต้องกล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ รู้จักเสียสละเวลาส่วนตัวมาทุ่มเทให้กับร้านอาหาร คุณจะตื่น 6-7 โมงเช้าไม่ได้ ต้องตื่นให้เช้ากว่านั้นเพื่อมาเตรียมวัตถุดิบ รวมถึงมีความตั้งใจจริงที่จะทำมัน มีใจรักบริการ ยินดีที่จะทำตามกติกาของแฟรนไชส์ ถัดมาก็เป็นเรื่องของทำเล การลงทุนค้าขายไม่ว่าอะไรก็ตามมีความเสี่ยงทั้งหมด อย่างแฟรนไชส์ถ้าหากดูแล้วว่าทำเลไม่ดี ทางร้านจะพิจารณาไม่ขายแฟรนไชส์ให้ หรือกรณีถ้าซื้อแฟรนไชส์แล้วปล่อยให้ลูกจ้างดูแลกันเอง ไม่ได้เด็ดขาด
นี่เป็นเหตุผลที่ทางร้านต้องคัดเลือกคนที่จะมาซื้อแฟรนไชส์โดยผ่านการสัมภาษณ์ก่อน

ทั้งหมดนี้คือเส้นทางของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม จากร้านเล็ก ๆ มีโต๊ะให้นั่งไม่ถึง 10 ที่ จนถึงวันนี้ที่มาพร้อมกับแฟรนไชส์ถึง 63 สาขาทั่วประเทศ เรียกว่าทางร้านได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วทุกด้าน โดยเฉพาะความอร่อยคงที่จากการใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน และการไม่เพิกเฉยของเจ้าของธุรกิจ ส่งคนไปดูแลแฟรนไชส์ทุกร้านถึงที่ เพื่อให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันหมด นี่แหละความสำเร็จที่ส่งต่อจากชามต่อชามสู่ร้านที่ผู้คนจดจำ